เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานายสมศักดิ์ คุณเงิน ประธานคณะทำงานพิจารณาร่างพระราชบัญญัติข้าว พ.ศ….. สภาเกษตรกรแห่งชาติ พร้อมคณะทำงานร่วมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติข้าว พ.ศ….. เข้ายื่นความเห็นของสภาเกษตรกรต่อร่าง พ.ร.บ.ข้าว พ.ศ….. ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ รัฐสภา โดยพลเอกดนัย มีชูเวท ประธานคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์และนายอิสระ ว่องกุศลกิจ รองประธานคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ รับความเห็นเรื่องดังกล่าว
ภายหลังการยื่นความเห็นฯนายสมศักดิ์ คุณเงิน ประธานคณะทำงานพิจารณาร่างพระราชบัญญัติข้าว พ.ศ….. สภาเกษตรกรแห่งชาติ ได้กล่าวว่า สภาเกษตรกรแห่งชาติในฐานะที่เป็นองค์กรที่เป็นตัวแทนเกษตรกรมีความห่วงใยเรื่องข้าว ชาวนา เป็นพิเศษอยู่แล้ว ได้นำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของสภาเกษตรกรแห่งชาติ และมีความเห็นว่ามีหลายประเด็นที่ควรเพิ่มเติมเพื่อให้ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ความเห็นโดยภาพรวมคือ ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวควรครอบคลุมกระบวนการทั้งการผลิต การตลาด การแปรรูป หรือต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำให้ครบวงจร ซึ่งในฉบับร่างฯของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)นั้นครอบคลุมต้นน้ำ แต่กลางน้ำและปลายน้ำยังไม่ครอบคลุม สภาเกษตรกรแห่งชาติโดยคณะทำงานฯ อยากเติมในส่วนนี้ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นและเห็นควรว่าพี่น้องชาวนาควรมีกองทุนข้าวและชาวนาซึ่งเป็นเรื่องใหม่ที่คณะทำงานฯอยากให้มีเพื่อที่จะสามารถนำเงินไปใช้ในแง่การส่งเสริม ศึกษา วิจัยและพัฒนา และสามารถนำเงินมาใช้เป็นเหมือนสวัสดิการหรือบำนาญของชาวนาได้ด้วยในอนาคต โดยให้รัฐบาลประเดิมกองทุน 20,000 ล้านบาท แล้วมีรายได้จากค่าธรรมเนียมในการส่งออกข้าวตัดมาเป็นสัดส่วนคอยเติมตลอดจนเงินจากพระราชบัญญัติงบประมาณเข้ามาเสริมก็จะทำให้กองทุนนี้เติบโตและประโยชน์กลับคืนสู่ชาวนา กระบวนการผลิตหรือพัฒนาข้าว อีกเรื่องคือพื้นที่ปลูกข้าว 50,000 ไร่ขึ้นไปให้รัฐบาลประกาศเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจการเกษตร การปลูกข้าวและเกษตรกรรมยั่งยืน เพื่อให้การสนับสนุนในเชิงกายภาพโครงสร้าง เช่น แหล่งน้ำ ตลาดกลาง โรงสี ลานตาก ยุ้งฉาง โรงอบ โรงปุ๋ย เครื่องจักรกลการเกษตร เช่นเดียวกับภาครัฐได้ทำเขตนิคมอุตสาหกรรมหรือเขตส่งเสริมพิเศษทางธุรกิจ ด้วยชาวนาอายุปัจจุบันเฉลี่ย 50-60 ปี ในอนาคตคนชราเป็นชาวนาจึงจำเป็นต้องมีเครื่องมือในการช่วยผ่อนแรงเหมือนประเทศญี่ปุ่น และในอนาคตบริษัทที่รับจ้างทำนา เกี่ยวข้าว พ่นปุ๋ย จะใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วย อีก 20 ปีข้างหน้าสิ่งเหล่านี้จำเป็นและชาวนาต้องปรับตัว โดยเขตพัฒนาเศรษฐกิจการเกษตร การปลูกข้าวและเกษตรกรรมยั่งยืนต้องมีพระราชกฤษฎีกาประกาศเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษในการปลูกข้าว ต้องมีเครื่องมือสนับสนุน เป็นชาวนา 4.0 มีนวัตกรรมและเทคโนโลยี ภาคชนบทภาคเกษตรจะมีความหวังมากขึ้นและถือเป็นการช่วยแบ่งเบาลดภาระต้นทุนให้ชาวนาได้ด้วย อย่างไรก็ตาม ในส่วนเรื่องกลางน้ำกับปลายน้ำนั้นกฎหมายที่ใช้อยู่ปัจจุบันคือพระราชบัญญัติค้าข้าว ปี พ.ศ.2489 เป็นกฎหมายเก่ามากควรปรับปรุงแก้ไขให้ทันสถานการณ์และให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายรวมทั้งชาวนาด้วย คณะทำงานฯจึงมีความเห็นว่ากฎหมายการค้าข้าวสมควรที่จะยกเลิก
ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.ข้าว ฉบับสภาเกษตรกรแห่งชาติหวังนำเสนอนายกรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ข้าว ฉบับของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ต่อไป
……………………………………………….
ข่าว : วัฒนรินทร์ สุขีวัย
ภาพ : วัชร มีแสงเงิน / จักรวรรดิ สุคนธามาศ
วีดีโอ : วัชร มีแสงเงิน
อำนวยการข่าว : เดชา บุญโต