นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ เผยถึงกรณีผลกระทบที่เกิดจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวและยืดเยื้อ มีผลทำให้หลายประเทศเกิดวิกฤตขาดแคลนอาหารและห้ามส่งออก รวมไปถึงราคาพลังงานพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพราะทั้งประเทศรัสเซียและยูเครนเป็นประเทศผู้ส่งออกธัญพืชรายใหญ่ของโลกซึ่งเป็นสินค้าหมวดอาหารทั้งอาหารคนและอาหารสัตว์จะส่งผลทำให้เกิดภาวะขาดแคลนและราคาสูง ประเทศไทยเป็นประเทศผู้ผลิตอาหารและสินค้าเกษตรมีเกษตรกรรายย่อยอยู่จำนวนมาก สิ่งที่เป็นผลกระทบกับเกษตรกรและคนไทยทั้งประเทศ คือ สินค้าหมวดอาหารและราคาพลังงานที่สูงขึ้นนั่นหมายความว่าปัญหาเงินเฟ้อจะตามมา และมั่นใจว่าสถานการณ์นี้ราคาธัญพืชของไทยก็จะราคาสูงขึ้นเช่นเดียวกัน รวมทั้งพืชตระกูลแป้ง เช่น ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง หรืออ้อย น้ำตาล ก็ดีขึ้นด้วย สิ่งที่เป็นทั้งวิกฤตและโอกาสหากรัฐบาลบริหารด้วยความเข้าใจก็จะสามารถสร้างโอกาสและลดวิกฤตในแง่ผลกระทบได้ เม็ดเงินจะไหลกลับสู่ประเทศและเกษตรกร จึงฝากถึงรัฐบาลโดยเฉพาะส่วนราชการที่ดูแลเรื่องนี้ขอให้บริหารอย่างเข้าใจ ประเทศไทยสามารถสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้นจากการส่งออกสินค้าเกษตร ขอให้เจรจาและสร้างอำนาจต่อรองอย่างมีน้ำหนัก เพราะต่อจากนี้ไปตลาดจะเป็นของผู้ขายซึ่งจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าของตัวเองได้และจะทำให้พี่น้องเกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้นภาวะสมดุลก็จะกลับคืนมา
“สถานการณ์สงครามที่เกิดขึ้นอยู่ขณะนี้ไม่น่าไว้วางใจและไม่มั่นใจว่าจะอยู่ยาวนานแค่ไหน ถ้ายืดเยื้อออกไปก็จะมีผลกระทบอีกหลากหลายรุนแรงมากขึ้นตามมา ฝากถึงเกษตรกรและท่านทั้งหลายกรุณาใช้จ่ายอย่างประหยัด ใช้เท่าที่จำเป็น อาหารถ้าสามารถที่จะผลิตบริโภคเองได้ทั้งในครอบครัวและชุมชนก็จะบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนลงได้ เน้นพึ่งตัวเองให้มากๆ สินค้าเกษตรหลายตัวที่สามารถจะสร้างรายได้ให้ดีขึ้นก็ควรเร่งขยายผลเพื่อสร้างโอกาสให้ตนเอง และควรศึกษาหาข้อมูลข่าวสารให้ดี เพราะหากว่ารีบขายออกไปก็อาจทำให้เสียโอกาสแต่หากมีข้อมูลข่าวสารที่ดีพอก็จะสามารถสร้างอำนาจต่อรองให้กับตัวท่านเองและประเทศชาติได้ในอนาคต” นายประพัฒน์ กล่าว
————————————————–
ข่าว : วัฒนรินทร์ สุขีวัย
ภาพ : วัชร มีแสงเงิน
อำนวยการข่าว : อภิวัฒน์ มีลาภ