ข่าวประชาสัมพันธ์ประจำสัปดาห์วันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม 2564
สภาเกษตรกรฯ ยื่นหนังสือเสนอให้ยกเลิกมาตรการปรับลดสัดส่วนผสมขั้นต่ำไบโอดีเซล ในน้ำมันดีเซล บี 7 และดีเซลธรรมดา เป็นร้อยละ 6
เมื่อวันที่ 12 ต.ค.2564 นายพันศักดิ์ จิตรรัตน์ ประธานคณะกรรมการด้านปาล์มน้ำมันและพืชพลังงาน สภาเกษตรกรแห่งชาติ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดกระบี่ นายอธิราษฎร์ ดำดี คณะทำงานด้านปาล์มน้ำมัน สภาเกษตรกรจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยพนักงาน เจ้าหน้าที่ เข้ายื่นหนังสือข้อเสนอให้ยกเลิกมาตรการปรับลดสัดส่วนผสมขั้นต่ำของไบโอดีเซล บี7 และน้ำมันดีเซลธรรมดาเป็นร้อยละ 6 ถึงนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ โดยนายสมชาย หาญภักดีปฏิมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ รับมอบหนังสือข้อเสนอดังกล่าว ณ ศาลากลางจังหวัดกระบี่
โดยข้อเท็จจริงเพื่อเป็นข้อมูลพิจารณาดำเนินการ ดังนี้
-
น้ำมันไบโอดีเซล บี100 ไม่ได้เป็นภาระหลักของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
-
การใช้ข่าวโจมตีน้ำมันไบโอดีเซล บี100เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงทำลายขวัญและกำลังใจของเกษตรกรชาวสวนปาล์ม
-
นโยบายการใช้น้ำมันไบโอดีเซล บี100 มาผสมกับน้ำมันดีเซลจนได้รับการยอมรับมาตรฐานเป็น บี7 บี10 และบี20 เป็นการสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานสะอาด ลดมลภาวะ สร้างเศรษฐกิจในชาติ
-
รัฐบาลควรรักษานโยบายที่ได้ให้ไว้กับประชาชนมากกว่าการมองแค่เรื่องราคาน้ำมันอย่างเดียว
-
สถานการณ์ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น เป็นตามกลไกตลาดโลกแต่ราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำมาเป็นระยะเวลา 10 ปี ปีนี้เป็นปีแรกที่ราคาปาล์มน้ำมันดีขึ้น
-
ปาล์มน้ำมันเป็นพืชยืนต้นระยะยาว ไม่สามารถปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกได้ง่ายเหมือนพืชชนิดอื่น การเปลี่ยนแปลงนโยบายชั่วคราวโดยไม่มีมาตรการมารองรับจะก่อให้เกิดผลกระทบเสียหายต่อห่วงโซ่การผลิตปาล์มทั้งระบบ
จึงขอให้นายกรัฐมนตรีได้พิจารณาข้อมูลข้อเท็จจริงตามมาตรการดังกล่าวข้างต้น และขอให้ดำเนินการยกเลิกมาตรการของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันต่อไป
สภาเกษตรกรจังหวัดนครพนม ร่วมเสริมทักษะ ผู้ประกอบการ SME พัฒนาระบบการรวมซื้อกระตุ้นเศรษฐกิจ
เมื่อวันที่ 12 ต.ค.2564 นายประณต ธานี หัวหน้่าสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดนครพนมพร้อมด้วยพนักงาน เจ้าหน้าที่ เข้าร่วมการอบรมสัมมนาโครงการพัฒนาระบบการรวมซื้อ(ผู้ซื้อ – ผู้ขาย พอใจกันทั้ง 2 ฝ่าย) DE Win-Win SME โดยนายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดงาน ทั้งนี้ เพื่อช่วยกระตุ้นการซื้อ/ขายและระบายสต๊อก ที่สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 ซึ่งเป็นเครือข่ายขององค์กรวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ของประเทศ ที่มีสมาชิกเป็นทั้งผู้ประกอบการภาคการผลิต ภาคการค้าและภาคการบริการ ได้จัดขึ้น จากการสนับสนุนงบประมาณของกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อร่วมกันช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้ผู้ประกอบการ SME ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส covid -19 ภายใต้สโลแกน รวมพลคนตัวเล็ก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สมาชิกสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย วิสาหกิจชุมชน กลุ่มผู้ประกอบการทั่วไป และบุคคลทั่วไปในพื้นที่จังหวัดนครพนมที่เข้าร่วมโครงการ จะได้รับประสบการณ์เกี่ยวกับการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของโลกออนไลน์ เช่น การพัฒนาธุรกิจจากระบบออฟไลน์สู่ระบบออนไลน์ , การใช้งานระบบจัดการ flash sale , การใช้งานระบบจัดการรวมซื้อ , การใช้งานระบบจัดการแผนที่ออนไลน์ , การใช้งานระบบจัดการชำระเงิน , การใช้งานระบบจัดการขนส่ง และการใช้งานระบบจัดการ e – Catalog ซึ่งยังจะมีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจ เรียนรู้แนวคิด แผนงาน และการบริหารจัดการในด้านต่างๆ เพื่อนำไปพัฒนากิจการของตนเอง ขณะเดียวกันสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยจะนำข้อมูลที่ได้ในการสัมมนาครั้งนี้ไปพัฒนาเว็บแอพพลิเคชั่นในการนำเสนอสินค้าและบริการให้ตรงความต้องการ เป็นการยกระดับให้สมาชิกเอสเอ็มอีไทย ได้ใช้ระบบที่สนับสนุนธุรกิจ สามารถเข้าถึงระบบการรวมซื้อ ได้รับสินค้าหรือบริการในราคาถูก ทั้งยังสามารถระบายสินค้าในสต๊อกได้อย่างรวดเร็ว และก่อให้เกิดผู้ประกอบการระบบ e-commerce รายใหม่ จากคนตกงานและนักศึกษาจบใหม่ด้วย
………………………………….