นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2564 สำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดลำปางได้จัดประชุม ณ ห้องประชุมเวียงละกอน ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดลำปาง เพื่อหารือแนวทางการนำใบกัญชามาใช้ในการประกอบอาหารและต่อยอดเพิ่มมูลค่ากระตุ้นเศรษฐกิจโดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง นายจำลักษณ์ กันเพ็ชร์ พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐ เอกชนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ จังหวัดลำปาง สำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปาง สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเมืองเขลางค์นคร และผู้ประกอบการร้านอาหารจังหวัดลำปาง จำนวน 20 ร้าน และภาคีเครือข่าย มีมติเห็นชอบจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยว ประชาชน ผู้สนใจ ได้ชิม ชอปปิง ผลิตภัณฑ์จากกัญชา ได้ลองลิ้มรสกัน ในงาน “มหกรรมอาหารที่มีส่วนผสมของพืชกัญชา” วันที่ 19 มีนาคม 2564 ณ บริเวณลานรถม้า เซ็นทรัลพลาซ่าลำปาง โดยภายในงานจะมีเมนูอาหารพื้นเมืองอัตลักษณ์ของจังหวัดลำปาง ที่สร้างความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์อย่างชัดเจน เช่น ไส้อั่วที่มีส่วนผสมของกัญชา ซี่โครงหมูรมควันผสมใบกัญชา เป็นต้น ซึ่งร้านอาหารที่เข้าร่วมออกบูธจะผลิตเมนูเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะของแต่ละร้าน จำนวน 1-2 รายการ เพื่อนำไปแสดงให้นักชิม นักท่องเที่ยว ประชาชน ผู้สนใจทั้งในจังหวัดลำปางและต่างจังหวัดได้รับประทาน นอกจากนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปางจัดบูทวิชาการด้านการแพทย์ เพื่อเป็นการให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชนโดยทั่วไป และผู้บริโภค เวทีเสวนาแลกเปลี่ยนความรู้การผลิต (ปลูก) กัญชา จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยว ประชาชน ผู้สนใจเข้าร่วมงานกิจกรรมดังกล่าว
ทั้งนี้ หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศปลดล็อกสมุนไพรพืช “กัญชา” อนุญาตให้ใช้ใบ ส่วนประกอบของกัญชา ที่ไม่ใช่ยาเสพติดปรุงอาหารได้ในร้านอาหารทั่วไปโดยไม่ต้องอบรม ไม่ต้องขออนุญาตเพิ่มเติมอีกทำได้เลย แต่จะต้องใช้ใบจากแปลงกัญชาที่ได้รับอนุญาตปลูกเท่านั้น ซึ่งฤดูกาลนี้การผลิตยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพราะยังปลูกกันได้น้อยอยู่ รอบการผลิตฤดูกาลหน้าปีถัดไปจะมีการขออนุญาตปลูกและผลิตมากขึ้น
“ ตอนที่สภาเกษตรกรแห่งชาติผลักดันเรื่องนโยบายกัญชาเสรีเราคาดหวังว่าจะได้ไปไกลกว่านี้ แต่มาถึงบัดนี้ในรอบปีที่ผ่านมาต้องบอกว่าเราพึงพอใจที่กระทรวงสาธารณสุขโดยเฉพาะนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่ตั้งใจในการผลักดันจนสามารถปลดหลายส่วนของสมุนไพรพืชกัญชาออกมาให้พี่น้องเกษตรกร ประชาชนได้ใช้สร้างเศรษฐกิจครัวเรือนของตัวเอง ทั้งใบ ต้น ราก ที่ไม่ใช่ดอกหรือเมล็ด ต้องขอขอบคุณ ถือเป็นการปรับตัวก้าวใหญ่ที่ทำให้สามารถนำกัญชามาสร้างเศรษฐกิจสมดังศักยภาพของเขาที่ควรจะเป็นหลังจากถูกปิดกั้นมาช้านาน เชื่อมั่นได้ว่าหลังจากนี้ไปจะมีคนปลูกกันมากขึ้น รวมทั้งจะมีนักลงทุนปลูกในพื้นที่ใหญ่ๆเพื่อจะส่งออกมากขึ้น เพราะน้ำมัน CBD นั้นตลาดโลกยังต้องการอยู่ และกัญชงก็ไม่ได้เป็นพืชเสพติดอีกต่อไป สามารถลงทุนเศรษฐกิจใหญ่ๆเพื่อการส่งออกได้ โดยคาดว่าปีหน้าจะมีการลงทุนมากขึ้น เศรษฐกิจไทยก็จะขับเคลื่อนมากขึ้น เศรษฐกิจฐานรากก็ได้รับอานิสงส์ด้วย พี่น้องเกษตรกรก็จะได้ปลูกทั้งกัญชงและกัญชาเพิ่มมากขึ้น จนมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆได้หลากหลายมากขึ้น และต่อไปเชื่อมั่นว่าปีหน้าเราจะเห็นแรงกระเพื่อมเศรษฐกิจจากพืชสมุนไพรกัญชงและกัญชาใหญ่กว่านี้ และจากกัญชงน่าจะขยายตัวอาจเป็นหลักหมื่นล้านด้วยซ้ำไป ” นายประพัฒน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม เสียดายที่ภาคราชการยังไม่ได้กล่าวถึงแผนการท่องเที่ยว Cannabis tourism ซึ่งไม่ทันการณ์ฤดูกาลนี้ แต่อยากให้เตรียมแผนสำหรับฤดูกาลถัดไป ซึ่งมั่นใจว่านักท่องเที่ยวจะตื่นตาตื่นใจจากกิจกรรมต้องห้ามในอดีตที่บัดนี้สามารถนำมาประกอบเป็นอาหารได้และผลิตภัณฑ์ที่สามารถซื้อกลับไปได้ รวมทั้งอยากให้มีการเชิญนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามาด้วย รายได้จากต่างประเทศจะได้ไหลเข้าสู่ประเทศไทยมากขึ้น
……………………………………………………………….
ข่าว : วัฒนรินทร์ สุขีวัย
ภาพ : สภาเกษตรกรจังหวัดลำปาง
อำนวยการข่าว : ภาสันต์ นุพาสันต์