ข่าวประชาสัมพันธ์ประจำสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม 2562
ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติเปิดงานความล้ำค่าของไผ่ไทย ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกไผ่สร้างรายได้และผลักดันให้เป็นอาชีพหลักในอนาคต
เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2562 นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรแห่งชาติ เป็นประธานเปิดงานความล้ำค่าของไผ่ไทยและบรรยายพิเศษเรื่อง “ไผ่ไทยอาชีพและอุตสาหกรรมอนาคต” ณ.ศูนย์เทคโนโลยีและธุรกิจไผ่ ต.เขาน้อย อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-5 ธ.ค.2562 โดยมีส่วนราชการ เจ้าของธุรกิจ เกษตรกรจากทั่วประเทศเข้าร่วมงาน ทั้งนี้ งานดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อนำเสนออนาคตอุตสาหกรรมและอาชีพไผ่ไทยไม้อนุรักษ์สู่ไม้เศรษฐกิจที่มีอนาคต สร้างองค์ความรู้ไผ่ภาคประชาชนสร้างอาชีพวิถีเกษตรไทย การแปรรูปในครัวเรือน การเชื่อมต่อเทคโนโลยีไผ่ การสร้างมูลค่าเพิ่มธุรกิจการผลิตถ่านไผ่ ไผ่เพื่องานสถาปัตยกรรม และเทคโนโลยีเครื่องจักรกลการแปรรูปลำไผ่เครือข่ายธุรกิจต่างประเทศให้มีคุณภาพ มาตรฐาน ผลิตภัณฑ์ไผ่ไทยสู่สากล พร้อมทั้งสร้างจิตสำนึกให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ตระหนักถึงการรักษ์ป่า และนำความรู้ที่ได้ไปเผยแพร่ให้กับคนในครอบครัวหันมาปลูกไผ่ ตลอดจนเป็นการส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืน ทั้งในรูปเกษตรผสมผสาน วนเกษตร เกษตรธรรมชาติ ส่งเสริมให้เกิดพื้นที่ป่า เกิดอาชีพเกษตรที่สร้างมูลค่าเพิ่มจากการใช้ทรัพยากรดินและน้ำให้เกิดความคุ้มค่ามากขึ้น ลดการทำการเกษตรที่เป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้น้อยลง
ประธานสภาเกษตรกรฯวอนรัฐบาลทำแผนพัฒนาภาคการเกษตรแบบระยะยาวและยั่งยืน
นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า ต้องขอบคุณรัฐบาลที่มีโครงการช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งโครงการประกันรายได้ก็เป็นโครงการหนึ่งในสินค้า 5 ชนิดพืชได้แก่ ข้าว ยางพารา น้ำมันปาล์ม มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ แต่สภาเกษตรกรฯเองไม่อยากเห็นรัฐบาลต้องแก้ปัญหาภาคเกษตรระยะสั้นปีต่อปี หรือเพียงฤดูกาลเท่านั้นด้วยไม่ยั่งยืน ไม่ได้ทำให้เกษตรกรรอดได้จริง จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลคุยร่วมกับสภาเกษตรกรฯ เพื่อจัดทำแผนพัฒนาเกษตรแบบระยะยาวและยั่งยืน เพราะที่ผ่ามาไม่มีใครสนใจทำ ขณะที่ “โครงการประกันรายได้” ส่งผลทางจิตวิทยาทำให้พ่อค้ามองรัฐบาลว่าช่วยเกษตรกรแล้ว พ่อค้าสามารถร่วมมือกันกดราคาได้ง่าย ด้วยเกษตรกรอำนาจการต่อรองมีน้อยและรัฐบาลชดเชยส่วนต่างให้แล้ว แต่ความจริงอีกด้านหนึ่งคือภัยแล้งผลผลิตหายไปครึ่งหนึ่งราคาจึงควรเพิ่มเป็น 2 เท่า ซึ่งรัฐบาลควรจะพิจารณาอย่างถ้วนถี่ ด้วยเกรงจะตกเป็นเครื่องมือของพ่อค้าคนกลางหรือนายทุนรวมกันกดราคา จึงขอวอนให้รัฐบาลร่วมทำงานกับสภาเกษตรกรฯ ในการหาทางออกทุกชนิดของสินค้าเกษตร เพราะไม่ต้องการให้เกษตรกรพึ่งพารัฐตลอดไปไม่มีวันจบสิ้น