กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเข้าหารือสภาเกษตรกรแห่งชาติกรณี CPTPP
เมื่อวันที่ 19 ต.ค.61 นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศและคณะเข้าพบหารือกับนายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ในการจะทำข้อตกลง CPTPP ที่เป็นประเด็นข้อกังวลของภาคเกษตรกรรม โดยประธานสภาสภาเกษตรกรแห่งชาติได้แสดงความห่วงใยเกษตรกรรายย่อยที่ต้องสร้างการรับรู้ และใช้เวลาในการปรับตัว รวมถึงเสนอให้มีกองทุน CPTPP ที่จะช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งในการหารือครั้งนี้อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้หารือแผนกิจกรรมที่ทั้งสองหน่วยงานจะทำร่วมกันภายใต้ความร่วมมือในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ที่กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศลงนามกับสภาเกษตรกรแห่งชาติ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจแก่เกษตรกรในการจัดการตลาดสินค้าเกษตร และใช้ประโยชน์จากการเปิดเสรีทางการค้า โดยได้กำหนดกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในปี 2561-2562 ซึ่งกรมเจรจาฯจะลงพื้นที่ให้ความรู้แก่เกษตรกรเกี่ยวกับความตกลงการค้าเสรี หรือเอฟทีเอ (FTA) ฉบับต่างๆ และจะนำผู้เชี่ยวชาญไปแนะนำ ตั้งแต่การพัฒนาศักยภาพและคุณภาพผลผลิตการเกษตร การแปรรูป และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรและการนำสินค้าเกษตรออกสู่ตลาด ทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะการส่งออกไปประเทศที่ไทยมีเอฟทีเอ ซึ่งเบื้องต้นกรมเจรจาฯ จะร่วมกับสภาเกษตรกรแห่งชาติคัดเลือกสินค้าและกลุ่มจังหวัดที่จะลงพื้นที่และจัดกิจกรรมให้ความรู้แก่เกษตรกร แบ่งได้ 6 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง / กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน /กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง /กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกและกลุ่มจังหวัดภาคใต้ ความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยให้เกษตรกรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความตกลงการค้าเสรี ฉบับต่างๆ ที่ไทยจัดทำกับประเทศคู่ค้า ซึ่งปัจจุบันมี 12 ฉบับ กับ 17 ประเทศเพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ ทั้งนี้ มูลค่าการค้าสินค้าเกษตรของไทยกับ 17 ประเทศที่ไทยมี FTA ในปี 2560 มีมูลค่าอยู่ที่ 26,561 ล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตาม อธิบดีกรมเจรจาการค้าฯได้เชิญประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติร่วมเดินทางไปศึกษากรณีประเทศเวียดนามได้รับผลกระทบหลังจากเข้าร่วมกรอบ TPP รวมทั้งเห็นตรงกันในเรื่องควรมีระยะเวลาในการทำความเข้าใจและให้เกษตรกรมีส่วนร่วมในกระบวนการ CPTPP มากขึ้น
สภาเกษตรกรจังหวัดนครศรีธรรมราช แนะนำชาวสวนปาล์มน้ำมัน ทำอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ ในช่วงปาล์มน้ำมันราคาตกต่ำ
นายประทีป กลีบแก้ว ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า จ.นครศรีธรรมราช มีการขยายพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันหลายแสนไร่ ผลผลิตมีมากโรงงานผลิตมีน้อย ทำให้ต้องส่งปาล์มไปขายจังหวัดใกล้เคียงค่าใช้จ่ายจึงเพิ่มขึ้น ขณะที่ปาล์มทะลาย มีราคา 2.30 – 2.80 บาท/กิโลกรัม แต่ต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 3.10 บาท ส่งผลให้ชาวสวนปาล์มเดือดร้อนเหมือนกับจังหวัดอื่น ซึ่งในช่วง 2 เดือนข้างหน้าผลผลิตปาล์มจะออกมามาก ต้องเตรียมการรับมือ จึงฝากถึงเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันว่า ในช่วงที่ราคาปาล์มยังไม่ดีควรจะทำอาชีพอื่นเสริมในสวน ตามที่สภาเกษตรกรแห่งชาติ เสนอ ครม.เมื่อครั้งประชุม ณ จังหวัดชุมพร เช่น เลี้ยงโค แพะ ปลูกหญ้าในสวนปาล์ม เป็นต้น เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งในการแก้ปัญหาราคาปาล์มตกต่ำ
………………………………………………