จากการที่รัฐบาลได้เดินหน้าแก้ปัญหาเรื่องที่ดินทำกินของเกษตรกรในพื้นที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ สภาเกษตรกรแห่งชาติได้เสนอแนวทางให้ประชาชนอยู่ร่วมกับป่าโดยใช้ “ไผ่” เป็นพืชสร้างป่าและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร โดยเสนอให้พื้นที่บ้านไผ่แพะ ต.เมืองมาย อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง เป็นกรณีตัวอย่างต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ กล่าวว่า ด้วยข้อมูลส่วนหนึ่งจากนายสมบัติ อ่อนหวาน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 บ้านไผ่แพะ ต.เมืองมาย อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง ระบุว่าพื้นที่หมู่ 5 เมืองมาย ต.เมืองมาย อ.แจ้ห่ม ส่วนใหญ่ติดกับเขตอุทยานแห่งชาติและป่าสงวนของกรมป่าไม้ เดิมเกษตรกรในพื้นที่ปลูกข้าวไร่สลับถั่วลิสงและข้าวโพดเป็นหลัก ที่ดินทำกินและอยู่อาศัยไม่มีเอกสารสิทธิ์เมื่อภาครัฐเข้าขอคืนพื้นที่ป่าจึงเกิดความเดือดร้อน จึงนำเรื่องนี้หารือร่วมกันกับพล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในโอกาสตรวจติดตามการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าของจังหวัดลำปาง ณ หมู่บ้านไผ่แพะ ต.เมืองมาย อ.แจ้ห่ม พื้นที่ อ.แจ้ห่มส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ป่าเขา ชาวบ้านส่วนมากยังชีพด้วยการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง ที่ผ่านมาได้มีการบุกรุกพื้นที่ป่านำมาเป็นพื้นที่ทำกิน ท่านเข้าใจปัญหาและเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีได้มีการพูดคุยร่วมกับคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติว่าน่าจะมีมาตรการในการผ่อนปรน แล้วก็มีมาตรการรองรับในเรื่องของเกษตรกรที่ยังชีพทำมาหากินอยู่ในพื้นที่ของรัฐทั้งหลาย สภาเกษตรแห่งชาติได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการที่จะดูแลรักษาพื้นที่ป่า ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมให้กลับฟื้นคืนสภาพมีความอุดมสมบูรณ์และให้เกษตรกรชาวบ้านมีรายได้เพิ่มจากการมีป่า โดยสภาเกษตรกรฯได้เสนอแนวทางนำ “ไผ่” มาปลูกทดแทนหรือร่วมในพื้นที่ทำการเกษตร เนื่องจาก “ไผ่” เป็นพืชโตเร็ว ใช้น้ำน้อย ทนแล้ง เป็นพืชสารพัดประโยชน์นำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆได้มากมาย ซึ่งจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับเกษตรกรได้เป็นอย่างดีและรวดเร็ว เกษตรกรสามารถพึ่งพาตนเองได้ไม่เป็นภาระของรัฐ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีบทบาทสำคัญมากเพราะในพื้นที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์กระทรวงทรัพย์ฯเป็นผู้ดูแลโดยกฎหมาย หากกระทรวงทรัพย์ฯเข้ามาปรับแก้ในเรื่องกฎหมายให้เอื้อต่อการอยู่ร่วมกันระหว่างป่ากับคน ส่งเสริมให้มีการลงทุนต่อยอดการปลูกไผ่ของพี่น้องเกษตรกรเชื่อมั่นได้ว่าจะเกิดนิมิตหมายใหม่ของระบบเศรษฐกิจประเทศไทยโดยเฉพาะเศรษฐกิจในระดับฐานราก
พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กล่าวว่า รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้ควบคุมดูแลเรื่องการใช้พื้นที่ป่าให้ถูกกฎหมาย ซึ่งแต่เดิมนั้นได้เน้นการจับกุมผู้กระทำผิดบุกรุกทำลายป่าจึงทำให้เกิดคดีขึ้นมากมาย รัฐบาลมีแนวทางในการที่จะอนุญาตให้ประชาชนได้มีพื้นที่ทำกินอยู่ในเขตที่ดินของรัฐหรือพื้นที่ป่าอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลจะมีการบริหารจัดการให้คนอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างสันติ อย่างไรก็ตามในการเสนอของสภาเกษตรกรแห่งชาติที่ส่งเสริมให้มีการปลูกไผ่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยินดีสนับสนุนเพราะไผ่สามารถปลูกได้ในทุกสภาพ ช่วยในการอุ้มน้ำสร้างความชุ่มชื้นให้กับพื้นดินลงทุนครั้งเดียวตัดได้หลายปี ส่วนด้านตลาดรองรับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต้องหารือกับประชาชน สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ต่างๆ รวมทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อส่งเสริมอาชีพ กระทรวงพาณิชย์เพื่อส่งเสริมการตลาดมากขึ้น กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ามาส่งเสริมวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีกับการเกษตรต่อยอดเรื่องการส่งออกก็จะครบวงจร
“ ในที่ดินของรัฐอนุญาตให้ประชาชนอยู่ทำกินได้เป็นมรดกลูกหลานต่อไป แต่ไม่ได้ให้สิทธิ์เป็นบุคคล กระทรวงทรัพย์ฯอนุญาตเป็นแปลงรวมไม่มีกรรมสิทธิ์แต่อยู่สืบทอดได้ โดยกระทรวงฯพยายามเร่งเรื่องขอบเขตของพื้นที่ให้ประชาชนมีความมั่นใจว่าเขาได้รับอนุญาตทำมาหากินอยู่บนพื้นที่ที่ถูกกฎหมายทั้งอยู่อาศัยและทำกิน” พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าว
…………………………………………………………………………….
ข่าว : วัฒนรินทร์ สุขีวัย
ภาพ : วัชร มีแสงเงิน / ศรินภัสร์ วัฒนสิทธิวิโรฒ
อำนวยการข่าว : ภาสันต์ นุพาสันต์