นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2560 ครม.มีมติเห็นชอบร่างแผนแม่บทเพื่อพัฒนาเกษตรกรรม พ.ศ.2560-2564 ตามที่สภาเกษตรฯเสนอ ต้องขอบคุณนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีที่เห็นชอบ ด้วยสภาเกษตรกรแห่งชาติมีหน้าที่ในการจัดทำแผนแม่บทตามกฎหมายโดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการทำแผนแม่บทจากเกษตรกรเองจากล่างสู่บนใช้เวลา 3 ปี จัดเวทีหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัดแต่ละจังหวัดรวมกันเข้ามากลายเป็นแผนแม่บทซึ่งมียุทธศาสตร์หลากหลายเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรทั้งที่ยังพึ่งตนเองไม่ได้และที่ต้องเข้าสู่กระบวนการแข่งขัน แผนนี้จึงครอบคลุมในทุกมิติทุกด้านของเกษตรกรไทย ที่ผ่านมาเกษตรกรได้เคยพยายามเสนอแนะแนวนโยบายโครงการต่างๆไม่เคยได้ผล แต่ครั้งนี้ด้วยกฎหมายของสภาเกษตรกรฯที่ได้บัญญัติไว้ 1 มาตราว่าสภาเกษตรกรฯมีหน้าที่ทำแผนแม่บทต่อจากนี้จะเป็นการขับเคลื่อนแผนไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งจะไม่ใช่บทบาทหน้าที่ของสภาเกษตรกรฯ แต่จะเป็นอำนาจหน้าที่ที่แต่ละส่วนงาน คือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นต้น ที่จะนำไปทำเป็นแผนปฏิบัติการตามแผนงาน โครงการของแต่ละหน่วยงาน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายของเกษตรกรคือ “องค์กรเกษตรกรเครือข่ายเข้มแข็ง โครงสร้างพื้นฐานและการจัดการทั่วถึง เกษตรกรพึ่งตนเองได้” โดยอยากเห็นการทำแผนปฏิบัติลงไปถึงระดับตำบลซึ่งเป็นส่วนที่เล็กที่สุด หลังจากนี้ก็จะเป็นการนัดประชุมกับรัฐมนตรีและผู้บริหารกระทรวงต่างๆ เพื่อที่จะสร้างกลไก กระบวนการให้เกิดแผนปฏิบัติการขึ้นมา สภาเกษตรฯจะเป็นส่วนหนึ่งเพื่อให้เกิดการประสานความร่วมมือกัน
“ขอแสดงความยินดีกับพี่น้องเกษตรกรที่ทุ่มเททำแผนของตนเองมาตลอดหลายปี ลงพื้นที่ทุกอำเภอ ตำบล หมู่บ้าน เพื่อที่จะไปสอบถามถึงความเดือดร้อน ความคิดเห็นสภาพปัญหาและข้อมูลต่างๆเพื่อที่จะเอาปัญหาทั้งหลายมาทำเป็นแผนแม่บท แก้ปัญหากันต่อไปทั้งระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว เวลานำแผนลงไปปฏิบัติเกษตรกรก็จะรู้สึกได้ว่าตนเป็นเจ้าของแผนนี้ ด้วยมีส่วนร่วมในการผลักดัน ขับเคลื่อนให้มีความสำเร็จต่อไป” นายประพัฒน์ กล่าวปิดท้าย
ดาวน์โหลดแผนแม่บทเพื่อพัฒนาเกษตรกรรม พ.ศ.2560-2564 คลิ๊ก
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ข่าว : วัฒนรินทร์ สุขีวัย
ภาพ : ธีรเจต มณีโรจน์
อำนวยการข่าว : ภาสันต์ นุพาสันต์